ผมไปพบกระทู้ที่น่าสนใจ เพราะ มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับบล็อกนี้ กระทู้นั้นชื่อ “มารจริงๆ ตัวเป็นๆ หรือภาษาธรรม?”
กระทู้ดังกล่าวตั้งมานานแล้ว ผมก็รอดูว่า พวกสมองหมา ปัญญาควายในห้องศาสนา
พันธุ์ทิพย์มันจะมีปัญญาวิเคราะห์กันอย่างไรบ้าง
วันนี้กลับไปเช็กดูเห็นว่ามีตั้ง
40 ความคิดเห็นก็เลยถึงเวลาที่จะวิพากษ์วิจารณ์กัน
ก่อนอื่นขึ้นไปอ่าน
ตโปกรรมสูตร กับประเภทของมารด้านบนก่อน ตโปกรรมสูตรเป็นเนื้อหาของกระทู้ ส่วนประเภทของมาร ผมไปค้นมาจากวิกิพีเดีย
ถ้าอ่านแบบใจเป็นกลางๆ
แล้ว และไม่โง่แบบสมองหมา
ปัญญาควายนักก็คงจะรู้ว่า “มารมีตัวตนจริง”
ในพระไตรปิฎกนั้น
มีมารมากวนพระพุทธเจ้าแบบนี้ บ่อยครั้งมาก
มากวนๆ แล้วก็หายไป มากวนๆ แล้วก็หายไป
ที่รู้กันโดยทั่วไปก็ตอนที่มารมาผจญพระพุทธเจ้าตอนในช่วงตรัสรู้
กับตอนที่มารมาอาราธนาให้พระพุทธเจ้าปรินิพพาน..
ในกระทู้นี้
คนตั้งกระทู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นอยู่ตลอด
ประเด็นที่น่าสนใจก็อยู่ใน 2 ความคิดเห็นด้านล่างนี้
ความคิดเห็นที่ 8
ช่วยอธิบาย ในส่วนที่มารทราบว่า พระศาสดาตรึกอะไรอยู่ได้อย่างไรด้วยครับ?
ความคิดเห็นที่ 15
ถึงตรงนี้ คคห. ชี้ไปโดยนัยว่าเป็นมารตัวเป็น
ๆ นั่นแหละ ไม่ใช่ภาษาธรรมอะไรหรอก
จากการอ่านความคิดเห็นของบรรดาสมองหมา
ปัญญาควายในกระทู้ดังกล่าว ก็ยืนยันได้ว่า
ความคิดความเชื่อของผมยังถูกต้องอยู่ คือ ความคิดเห็นเหล่านั้น
หาสาระอะไรไม่ได้
หาคนที่รู้จริงในห้องศาสนา
พันธุ์ทิพย์ได้ยากมาก มีแต่พวกกระสันอยากสำเร็จความใคร่ทางแป้นพิมพ์กันทั้งนั้น
ดีแต่ทะเลาะกันไป ทะเลาะกันมา
เรามาวิพากษ์วิจารณ์กันเลย
กระทู้ที่ว่านี้
“มารจริงๆ ตัวเป็นๆ หรือภาษาธรรม?” ต้องการตั้งขึ้นมาเพื่อเสียดสีพวกพุทธเชิงคัมภีร์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็ท่านพุทธทาส
พวกนี้
เชื่อวิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไกของนิวตัน กาลิเลโอ และเดสคาร์ตส์ ดังนั้น
ข้อความในพระไตรปิฎกที่พวกนี้ไม่เชื่อก็จะ “ตีความ”
ให้มันผิดเพี้ยนออกไปจากความจริง
คือ
จะตีความให้ยอมรับกันได้ในทางวิชาการ
ศัพท์อีกอย่างหนึ่งที่พวกนี้ชอบใช้ก็คือ “ไขความ”
ถ้าอ่านหนังสือของคนพวกนี้แล้วเจอคำว่า
“ตีความ”, “ไขความ”, “ภาษาคน”,
“ภาษาธรรม” ก็ระวังไว้เลยว่า
ไอ้พวกนี้จะเขียนให้ผิดเพี้ยนแล้ว
พวกนี้จะตีความว่า
“มาร” ในพระไตรปิฎกเป็น “กิเลส” หรือ “ความคิด”
ทั้งหมด ผมก็ไม่รู้มันจะสมองหมา
ปัญญาควายกันไปถึงไหน
อรรถกถาก็แบ่งมารออกไป
5 ประเภทแล้ว มันก็จะมึนไปตีความใหม่ ให้ “เทวบุตรมาร”
หรือ มารที่มีตัวตนจริงๆ” ไม่มีให้ได้
อย่างไรก็ดี การแบ่งมารเป็น 5 ประเภทนั้น
ก็ยังไม่ถูกต้องนัก คือ มารมันมีมากกว่านั้น ในทางวิชาธรรมกายรู้จักมารดีที่สุด
มารนั้น
มีพระพุทธเจ้าฝ่ายเขาด้วย
ธรรมกายของพระพุทธเจ้าฝ่ายขาวมีรูปร่างอย่างไร ธรรมกายของพระพุทธเจ้าฝ่ายมารก็เป็นอย่างนั้น
ต่างกันคือ สี
ธรรมกายของพระพุทธเจ้าฝ่ายขาวสีขาวใส ธรรมกายของพระพุทธเจ้าฝ่ายมารสีดำใส
ดังนั้น
มารจึงมามากมายมหาศาลไม่ใช่มีแค่เทวบุตรมาร หรือมารที่อยู่บนสวรรค์ชั้นที่ 6
แค่นั้น มารมนุษย์ก็มี ที่เห็นชัดๆ ก็คือ สมีเควี่ยธัมมชโยนี่แหละ
กลับมาเข้าประเด็นสำคัญที่ไม่มีใครเข้าใจเลยแบบสุดๆ
คือ ทำไมมารมันถึงรู้ว่า
พระพุทธเจ้าคิดอะไรอยู่
ตรงนี้
ที่ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรู้ก็เพราะว่า “ไม่มีใครปฏิบัติธรรมได้อย่างถูกต้อง”
ก็จึงไม่รู้จักวิชาของมาร
ขอให้ไปดูตัวอย่างวิชาของมารที่ว่า
“ยืด ใย ยนต์ อายตนะ วิทยุ”
ในหนังสือปราบมาร เล่ม 1 ด้านบน
มารเขามีวิชาพวกนี้อยู่
เขาจึงรู้ว่า ใครคิดอะไร อยู่ที่ไหน
ตรงนี้ ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า จากกระทู้ดังกล่าว พวกสมองหมา
ปัญญาควายในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ไม่มีใครรู้จริงแม้แต่คนเดียว ไม่สามารถอธิบายพระสูตรได้เลย
อันที่จริง พวกพุทธวิชาการอื่นๆ ก็เช่นเดียวกับพวกสมองหมา
ปัญญาควายในห้องศาสนา พันธุ์ทิพย์ คือ ไม่ได้แตกต่างกันในด้านสมองหมา
ปัญญาควาย ไม่มีใครอธิบายได้เช่นเดียวกัน
มีแต่หลวงพ่อวัดปากน้ำเท่านั้น
ที่อธิบายได้ชัดเจน
เราจะทำตามได้หรือเปล่าเท่านั้น..