บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ถาม-ตอบ ปราบมาร [3]


คุณดวงธรรมตั้งคำถามไว้ดังนี้

แล้วที่ไปสอนเด็กๆ ให้เห็นดวงปฐมมรรค ก็เป็นเพียงคนธรรมดาๆ บางคนยังไม่เคยเห็นดวงปฐมมรรคเลยก็ไปสอนแล้ว

คนสอนยังไม่เห็น แล้วทำไมคนเรียนเห็นทั้งชั้นได้เลยครับ (ภายใน 10 ปีที่ผ่านมา คณะของคุณลุงการุณย์นี้สอนไปแล้วประมาณ 5 แสนคน หลายร้อยโรงเรียน ซึ่งอ้างว่าเห็นดวงปฐมมรรค เฉลี่ยทั้งหมด 95% และได้ต่อวิชชา 18 กายเฉลี่ย 90 กว่า%)

ลองดูซิครับ คณะที่ไปสอนเองส่วนมากก็ยังไม่เห็นดวงปฐมมรรคเลย แล้วนักเรียนเห็นกันเกือบหมดคิดดูครับ

คิดดูครับคณะนี้ สอนวิชชาเก่งกว่าหลวงพ่ออีกครับ 

ไปสอนเด็กก็ดีครับ แต่ถ้าครูที่ไปสอนเด็กไม่รู้วาระจิตคนอื่น จะถูกเด็กหลอกได้

คำตอบ

ประเด็นนี้อาจจะแยกข้อสงสัยออกเป็น 2 ประเด็นย่อย กล่าวคือ
1) ผู้สอนยังไม่เห็นดวงปฐมมรรคทำไมสอนให้เด็กเห็นได้
2) ผู้สอนไม่รู้วาระจิตคนอื่น จะถูกเด็กหลอกได้

ประเด็นย่อยที่ว่า ผู้สอนยังไม่เห็นดวงปฐมมรรคทำไมสอนให้เด็กเห็นได้ 

ผมเองก็ยังสงสัยว่า คุณดวงธรรมไปเอาหลักการที่ไหนมาที่ตั้งเป็นเกณฑ์ขึ้นว่า ครูผู้สอนต้องเห็นดวงธรรมเสียก่อน เสียจึงจะไปสอนให้เด็กเห็นดวงธรรมได้

ตรงนี้ คุณดวงธรรมน่าจะอธิบายหลักเกณฑ์ที่คุณดวงธรรมตั้งขึ้นมาเสียก่อน

นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่า คุณดวงธรรมไม่เชื่ออะไรไปลอยๆ อย่างไม่มีเหตุผล  ตั้งข้อสงสัยไปดะ  ทั้งๆ ที่ไม่มีความรู้อะไรเลย 

ในความเป็นจริงแล้ว วิทยากรที่จะไปสอนได้  ต้องไปสอบเป็นวิทยากรกับคุณลุงเสียก่อน

เนื้อหาที่จะต้องไปสอบก็ต้อง ท่อง ปากเปล่าเป็นเวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ เลยทีเดียว 

เมื่อสอบเป็นวิทยากรได้แล้ว  ก็ต้องไปเป็นวิทยากรผู้ช่วยอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ประสบการณ์ของผมก็คือ ผมไปสังเกตการณ์การทำงานของกลุ่มวิทยากรของคุณลุงการุณย์เกือบ  2 ปี ไปร่วมประชุมทุกเดือน  แล้วจึงตัดสินใจไปสอบเป็นวิทยากร

เมื่อไปสอบแล้วก็ไปเป็นวิทยากรผู้ช่วยอีกประมาณ  2 ปี  แล้วจึงมาสอนเป็นวิทยากรเอกเอง

เพื่อเป็นการอธิบายให้สมกับฐานะที่มีอาชีพครู และร่ำเรียนจนจบปริญญาเอก  ผมขอบอกว่า ในการสอนวิชาการทางโลกก็เช่นเดียวกัน

การสอนวิชาการในโลกนี้ เป็นส่วนใหญ่ หรือเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว ที่ครูผู้สอนไม่มีประสบการณ์ตรงในเรื่องที่สอนแต่ประการใด แต่ก็สามารถสอนให้นักเรียนนักศึกษาเข้าใจได้

ยกตัวอย่างเช่น การสอนเรื่องหิมะ  หรือเรื่องเกี่ยวกับขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ เป็นต้น 

ครูของไทยมีสักกี่คนที่จะมีประสบการณ์ไปเห็นขั้วโลกทั้งเหนือหรือใต้มาด้วยตัวเอง  แม้กระทั่งหิมะ ครูจำนวนมากก็ไม่เคยสัมผัสมาก่อน  แต่ทำไมครูเหล่านั้นจึงสอนสิ่งเหล่านี้ได้

นั่นก็เป็นเพราะมันมีหลักสูตร มีหลักวิชาไว้สำหรับยึด เพื่อเป็นวิธีการในการสอน 

ในการสอนวิชาธรรมกายก็เช่นเดียวกัน  เรามีหลักสูตร มีหลักการสอนที่เป็นมาตรฐาน  วิทยากรบางคนที่สอนออกนอกแนวไป  ก็ยังมีการถูกห้ามสอน  

ผมขอยืนยันว่า การสอนวิชชาธรรมของกลุ่มวิทยากรของคุณลุงการุณย์ สอนอย่างเป็นวิชาการตามหลักการทุกประการ  สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิธีการหาความรู้ความจริงทางวิทยาศาสตร์ (Scientific method) 

ประเด็นย่อยที่ว่า ผู้สอนไม่รู้วาระจิตคนอื่น จะถูกเด็กหลอกได้

ประเด็นนี้ แสดงความไม่รู้ในหลักวิชาการทั้งทางโลกและทางธรรมของคุณดวงธรรม

นอกจากนั้นแล้ว ยังแสดงตัวตนของคุณดวงธรรม ที่เชื่อว่า ความรู้ของตนถูกต้องไปเสียหมด ทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรมากนัก 

นอกจากนั้น คุณดวงธรรมยัง ใจร้าย และมีอคติกับเด็กๆ ผู้บริสุทธิ์ด้วยว่า จะถูกเด็กหลอกได้

เอาประเด็นเรื่อง ไม่รู้วาระจิตคนอื่นก่อน 

คุณดวงธรรมไปเอาหลักเกณฑ์มาจากไหนที่ว่า ผู้สอนธรรมปฏิบัติควรจะรู้ว่าวาระจิตของคนอื่นเสียก่อน  จึงจะไปสอนคนอื่นได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิชาธรรมกาย 

หลวงพ่อสดท่านเขียนหรือกำหนดไว้ตรงไหน อย่างไรว่าวิทยากรที่จะไปสอนคนอื่นนั้น  ต้องรู้วาระจิตของผู้อื่นเสียก่อน

อย่าลืมว่า เรากำลังถกกันเรื่องวิชาธรรมกาย  อาจจะเป็นไปได้ที่ว่า มีสายปฏิบัติอื่นๆ ที่กำหนดไว้ว่า ผู้สอนปฏิบัติธรรมจะต้องรู้วาระจิตของผู้อื่นก่อน จึงจะไปสอนได้

ผมเองก็ปฏิบัติธรรมมาเกือบทุกสาย ไม่ว่าจะเป็น ยุบหนอพองหนอ (บวชวัดอัมพวัน สิงห์บุรี  1 พรรษา) สายพุทโธ สายนะมะพะทะ เป็นต้น  ก็ยังไม่เห็นมีใครกำหนดเกณฑ์ดังกล่าวขึ้นมา 

ดังนั้น  ถ้าคุณดวงธรรมจะเอาเกณฑ์นี้ขึ้นมาจับ หรือนำกฎเกณฑ์นี้มาเป็นมาตรฐาน คุณดวงธรรมจะต้องไปหาหลักฐานในวิชาธรรมกายมายืนยันให้ได้ว่า หลวงพ่อสดกำหนดเกณฑ์ไว้ว่า วิทยากรจะต้องรู้วาระจิตของผู้อื่นเสียก่อน จึงจะไปสอนได้

ผมศึกษาวิชาธรรมกายมา  อ่านหนังสือจนครบเกือบทุกเล่ม  ยังไม่พบว่า หลวงพ่อสดท่านกำหนดเกณฑ์ดังกล่าวไว้ ณ ที่ใด

ประเด็นที่สำคัญที่น่าจะกล่าวถึงให้มากก็คือ การที่คุณดวงธรรมไปสงสัยเอากับเด็กที่คนทั้งโลกเขาเชื่อว่า เป็นผู้บริสุทธิ์  จะมีเจตนามาหลอกวิทยากร หรือวิทยากรเซ่อซ่าเด๋อด๋าจน ถูกเด็กหลอกได้

ทำไมคุณดวงธรรมมีอคติกับเด็กถึงขนาดนี้  คุณดวงธรรมสงสัยการสอนของวิทยากร ก็สงสัยไป  ทำไมจะต้องไปสงสัยด้วยว่า เด็กจะหลอกวิทยากร 

วิทยากรแต่ละคนไม่ใช่เป็นคนไม่มีความรู้ วิทยากรเป็นแพทย์ก็มี เป็นวิศวกรก็มี  เป็นครูอาจารย์เกษียณแล้วก็มี  เป็นดอกเตอร์ก็มี

วิทยากรเหล่านี้ ถ้าถูกเด็กหลอก (สมมุติว่ามีจริงๆ) จะไม่รู้เลยหรือว่า เด็กหลอกอยู่  แล้วเด็กจำนวนเป็นแสนๆ คน จะหลอกวิทยากรทั้งหมดเลยหรือ

นอกจากนั้นแล้ว ผมเองยังไม่เห็นเหตุผลอย่างเป็นวิชาการเลยว่า ทำไมเด็กจะต้องหลอกวิทยากรด้วย 

วิทยากรไปสอนเด็กนักเรียนนักศึกษาไปสอนเพื่อเป็นการสร้างบารมี โดยหวังว่าการทำงานในครั้งนี้จะทำให้สังคมดีขึ้น จะมีคนดีมีศีลธรรมมากขึ้น 

การไปสอนก็ออกค่าใช้จ่ายเอง ไม่ได้ไปขอค่าสอน หรือวัตถุอื่นใด  เด็กกับวิทยากรก็ไม่รู้จักกัน

ส่วนใหญ่พอสอนแล้ว ก็แยกกันไป  ความถี่ที่จะพบกัน  ก็ประมาณเดือนละ  1 ครั้ง ในบางกรณีสอนได้ครั้งเดียว แล้วก็ไม่เจอกันอีกเลย

ผมยังมองไม่ออกเลยว่า เด็กจะ หลอก วิทยากรไปทำไม  ด้วยผลประโยชน์อะไร

อันที่จริงแล้ว มีเด็กที่พยายามหลอกวิทยากรเหมือนกัน  แต่คนละประเด็นกับที่คุณดวงธรรมตั้งข้อสงสัย  เหตุการณ์ที่เด็กพยายามหลอกวิทยากรว่าเห็นดวงธรรมเท่าที่พบเห็นมีดังนี้

ในการสอนบางครั้ง เมื่อเด็กเห็นดวงธรรมแล้ว ก็จะมีการแยกเด็กออกไปปฏิบัติเป็นกลุ่มย่อย  เด็กบางคนนึกว่า ถ้าเห็นดวงธรรมแล้ว ก็กลับบ้านได้ 

พอมีเด็กส่วนหนึ่ง เห็น จริงๆ  แต่ตัวเองยังไม่เห็น ก็เลยยกมือไปด้วย  เมื่อวิทยากรถามว่า ใครเห็นดวงธรรมในท้องแล้วให้ยกมือขึ้น  

ในกรณีเช่นนี้จะเห็นว่า มีเด็กเห็นดวงธรรมจริงๆ จำนวนหนึ่งยกมือขึ้น  เด็กบางคนก็ยกมือตาม   

กรณีแบบนี้พบน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นเด็กในระดับอาชีวศึกษา  แทบจะไม่พบเลยในระดับประถมศึกษาและในระดับมัธยมศึกษา

ประเด็นนี้ แสดงว่า คุณดวงธรรมเอาความไม่เชื่อโดยไม่มีหลักวิชาการเป็นตัวตั้ง แล้วก็ตั้งข้อสงสัยมั่วไป 

แม้จนกระทั่งเด็กที่ขนาดในวงการยุติธรรมยังรับว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่หลอกลวงใครเพื่อผลประโยชน์อามิสสินจ้าง  

การไปสอนธรรมปฏิบัติ  และเป็นการวัดผลเพื่อดำเนินการสอนในระดับต่อไป  เด็กจะโกหกไปหาพระแสงด้ามยาวไปทำไม

หรือว่า ชีวิตในวัยเด็กของคุณดวงธรรม โกหกพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาตลอดชีวิต



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น