เรื่องนี้อยู่ในพระไตรปิฎก
เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย
มูลปัณณาสก์ ชื่อ มารตัชชนียสูตร ว่าด้วยการคุกคามมาร
เรื่องก็เป็นดังนี้
|
[๕๕๗] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ มิคทายวัน ในเภสกลาวันเขตเมืองสุงสุมารคีระ
ในภัคคชนบท.
สมัยนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะจงกรมอยู่ในที่แจ้ง
ถูกมารผู้ลามกเข้าไปในท้องในไส้ได้มีความดำริว่า
ท้องเราเป็นดังว่ามีก้อนหินหนักๆ และเป็นเช่นกะทออันเต็มด้วยถั่วหมัก เพราะเหตุอะไรหนอ
จึงลงจากจงกรมแล้วเข้าไปสู่วิหาร นั่งอยู่บนอาสนะที่ปูไว้
ครั้นนั่งแล้ว ได้ใส่ใจถึงมารที่ลามก ด้วยอุบายอันแยบคายเฉพาะตน.
|
ข้อความที่ว่า
“ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-” เป็นคำเล่าของพระอานนท์ เมื่อเล่าแล้ว พระภิกษุก็ท่องจำกันมา
พระสูตรจึงมีเนื้อความซ้ำๆ กันเป็นส่วนใหญ่ เพราะ เจตนาจะให้ท่องจำกัน
เรื่องก็เป็นว่า
พระโมคคลลานะกำลังเดินจงกรมอยู่ มารก็เข้าไปในท้อง ตรงนี้พระสูตรไม่ได้บอกว่า
มารมันเข้าไปอย่างไร
พระโมคคัลลานะรู้สึกว่า
ท้องของท่านหนักผิดปกติ
จึงเลิกเดินจงกรมไปนั่ง ผมว่าคงไปนั่งสมาธินั่นแหละ แล้วก็รู้ว่า มารเขาไปในท้องของท่าน “ด้วยอุบายอันแยบคายเฉพาะตน.”
ตรงนี้แปลก
เพราะ พระอานนท์ไม่รู้ว่า พระโมคคัลลานะใช้วิชาอะไร จึงรู้ว่า
มีมารอยู่ตนท้อง
|
[๕๕๘] ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้เห็นมารผู้ลามก
เข้าไปในท้องในไส้แล้ว ครั้นแล้ว จึงเรียกว่า ดูกรมารผู้ลามก ท่านจงออกมา
ท่านจงออกมา
ท่านอย่าเบียดเบียนพระตถาคตและสาวกของพระตถาคตเลยวิเหสนกรรมนั้น
อย่าได้มีเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์แก่ท่านตลอดกาลนาน.
|
ข้อความส่วนนี้
“ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้เห็นมารผู้ลามก
เข้าไปในท้องในไส้” แสดงว่า พระโมคคัลลานะ ต้องมีวิชาของท่าน
และท่านเห็นตัวของมารด้วย
|
ลำดับนั้น มารมีความดำริว่า สมณะนี้ไม่รู้และไม่เห็นเรา
จึงกล่าวว่า ดูกรมารผู้ลามกท่านจงออกมา ท่านจงออกมา
ท่านอย่าเบียดเบียนพระตถาคตและสาวกของพระตถาคตเลยวิเหสนกรรมนั้น
อย่าได้มีเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์แก่ท่านตลอดกาลนาน
ดังนี้ แล้วจึงดำริว่า แม้สมณะที่เป็นศาสดายังไม่พึงรู้จักเราได้เร็วไว
ก็สมณะที่เป็นสาวกไฉน จักรู้จักเราได้.
|
ตรงนี้ต้องอ่านให้ดีๆ ข้อความที่ว่า “แม้สมณะที่เป็นศาสดายังไม่พึงรู้จักเราได้เร็วไว”
นี่ก็แสดงว่า พระโมคคัลลานะเห็นมารตัวนี้ เร็วกว่าพระพุทธองค์เสียอีก
|
ในขณะนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้บอกว่า ดูกรมารผู้ลามก
เรารู้จักท่านแม้ด้วยเหตุนี้ แล ท่านอย่าเข้าใจว่า สมณะนี้ไม่รู้จักเรา
ท่านเป็นมาร ท่านมีความดำริว่า สมณะนี้ไม่รู้และไม่เห็นเรา
จึงกล่าวว่า ดูกรมารผู้ลามก ท่านจงออกมา ฯลฯ ก็สมณะที่เป็นสาวกไฉน จักรู้จักเรา.
ลำดับนั้น มารมีความดำริว่า สมณะนี้รู้จักและเห็นเรา
จึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรมารผู้ลามกท่านจงออกมา ฯลฯ วิเหสนกรรมนั้น
อย่าได้มีเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์แก่ท่านตลอด
กาลนาน
ดังนี้ แล้วจึงออกจากปากท่านพระมหาโมคคัลลานะ
แล้วยืนอยู่ที่ข้างบานประตู.
|
ตรงนี้พระสูตรกล่าวว่า
พอมารมันแน่ใจว่า พระโมคคัลลานะรู้จักตัวของมันแน่ๆ
จึงออกมาทางปากของพระโมคคัลลานะ แล้วก็ไปยืนอยู่ข้างบานประตู
เรื่องนี้
มารเป็นกายละเอียดนะครับ อย่าไปนึกว่า มารมันเป็นกายเนื้อ
|
[๕๕๙] ท่านพระมหาโมคคัลลานะ
ได้เห็นมารผู้ลามกยืนอยู่ที่ข้างบานประตู ครั้นแล้วจึงกล่าวว่า
ดูกรมารผู้ลามก เราเห็นท่านแม้ที่ข้างบานประตูนั้น
ท่านอย่าเข้าใจว่า สมณะนี้ไม่เห็นเรา ท่านนั้นยืนอยู่แล้วที่ข้างบานประตู.
ดูกรมารผู้ลามก เรื่องเคยมีแล้ว
เราเป็นมารชื่อทูสี มีน้องหญิงชื่อกาลี ท่านเป็นบุตรน้องหญิงของเรานั้น
ท่านนั้นได้เป็นหลานชายของเรา
|
พระโมคคัลลานะนั้น
เห็นมารยืนอยู่ข้างบานประตู แล้วบอกด้วยว่า มารเคยเป็นหลานของท่าน ชาตินั้น
พระโมคคัลลานะเป็นมารชื่อ “ทูสี” มีน้องสาวชื่อ “กาลี”
ซึ่งเป็นแม่ของมารตัวนี้
นี่ก็แสดงว่า
มารสามารถเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายพระได้ และไอ้มารตัวนี้ก็ไม่รู้อดีตชาติ
ไม่อย่างนั้น คงไม่ไปแกล้งลุงของตัวเอง ซึ่งพระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้าแน่ๆ
ประการสำคัญก็คือ
มารมีจริง และมารมันเก่งจริง
ต่อจากนั้น
พระโมคคัลลานะก็เล่าเรื่องของท่านว่า ทำกรรมชั่วอย่างไรบ้าง ตกนรกอย่างไรมารบ้าง
|
[๕๖๕] ดูกรมารผู้ลามก ก็มหานรกนั้นแลมีชื่อ ๓ อย่าง
ชื่อฉผัสสายตนิกะก็มี ชื่อสังกุสมาหตะก็มี ชื่อปัจจัตตเวทนียะก็มี.
ดูกรมารผู้ลามก ครั้งนั้นแล พวกนายนิรยบาลเข้ามาหาเราแล้ว
บอกว่าเมื่อใดแล หลาวเหล็กกับหลาวเหล็กมารวมกันที่กลางหทัยของท่านเมื่อนั้น
ท่านพึงรู้ว่า เราไหม้อยู่ในนรกพันปีแล้ว.
ดูกรมารผู้ลามก เรานั้นแล หมกไหม้อยู่ในมหานรกนั้นหลายปี
หลายร้อยปี หลายพันปี และหมกไหม้อยู่ในอุสสทนรกแห่งมหานรกนั้นแล
เสวยทุกขเวทนาหนักกว่าก่อนอีกหมื่นปี. เรานั้นมีกายเห็นปานนี้คือ
มีศีรษะเหมือนศีรษะมนุษย์ก็มี เหมือนศีรษะปลาก็มี.
|
จะเห็นว่า
มารนั้น ทำกรรมชั่วไว้
ก็ต้องรับผลของกรรมชั่วเช่นเดียวกับฝ่ายพระที่ทำกรรมชั่วเหมือนกัน
ในทางวิชาธรรมกาย
เรารู้จักมารมากกว่านี้ มารมันเก่งจริง
วิชาธรรมกายก็สามารถเห็นมารได้อย่างพระโมคคัลลานะเหมือนกัน
ในเรื่องนี้
ผมว่า พระโมคคัลลานะก็ใช้วิชาธรรมกายในการตรวจสอบว่ามารมันอยู่ในท้องของท่าน สำหรับการที่พระอานนท์กล่าวว่า
พระโมคคัลลานะทำอย่างไรจึงเห็นมาร
บอกเพียงแต่ว่า
“ด้วยอุบายอันแยบคายเฉพาะตน.” น่าจะมีปัญหาในการท่องจำกันมาภายหลัง
คือ รุ่นหลังคงไม่รู้จักวิชาธรรมกาย
จึงไม่กล้าระบุลงไป
ที่กล่าวไปนั้น
กล่าวกันอย่างในทางวิชาการ
สำหรับความจริงแล้ว มารมันพยายามลบวิชาธรรมกายออกไปจากพระไตรปิฎก
คนรุ่นหลังไม่เก่งเท่ารุ่นพระพุทธเจ้า
การกระทำของมารมันจึงสำเร็จ คือ เอาหลักการของวิชาธรรมกายออกไปจากพระไตรปิฎกได้...
ไอ้บ้าที่ไหนเขียนบทความนี้ มั่วชิบหาย วิชาธรรมกายมีที่ไหน หลวงพ่อสดเพี้ยนเพราะถูกกิเลสหลอก วิปัสสนูปกิเลสคือนิมิต คนมีสติไม่มีวันเกิดหรอกนั่งเห็นนั่นเห็นนี่ ..เขียนเองตีความเอง ทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้า ถุยยย
ตอบลบ