บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

มารเข้าท้องพระโมคคัลลานะ

เรื่องนี้อยู่ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ชื่อ มารตัชชนียสูตร ว่าด้วยการคุกคามมาร

เรื่องก็เป็นดังนี้

[๕๕๗] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ มิคทายวัน ในเภสกลาวันเขตเมืองสุงสุมารคีระ ในภัคคชนบท.

สมัยนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะจงกรมอยู่ในที่แจ้ง ถูกมารผู้ลามกเข้าไปในท้องในไส้ได้มีความดำริว่า ท้องเราเป็นดังว่ามีก้อนหินหนักๆ และเป็นเช่นกะทออันเต็มด้วยถั่วหมัก เพราะเหตุอะไรหนอ

จึงลงจากจงกรมแล้วเข้าไปสู่วิหาร นั่งอยู่บนอาสนะที่ปูไว้ ครั้นนั่งแล้ว ได้ใส่ใจถึงมารที่ลามก ด้วยอุบายอันแยบคายเฉพาะตน.

ข้อความที่ว่า “ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-”  เป็นคำเล่าของพระอานนท์  เมื่อเล่าแล้ว พระภิกษุก็ท่องจำกันมา พระสูตรจึงมีเนื้อความซ้ำๆ กันเป็นส่วนใหญ่ เพราะ เจตนาจะให้ท่องจำกัน

เรื่องก็เป็นว่า พระโมคคลลานะกำลังเดินจงกรมอยู่ มารก็เข้าไปในท้อง ตรงนี้พระสูตรไม่ได้บอกว่า มารมันเข้าไปอย่างไร

พระโมคคัลลานะรู้สึกว่า ท้องของท่านหนักผิดปกติ  จึงเลิกเดินจงกรมไปนั่ง ผมว่าคงไปนั่งสมาธินั่นแหละ  แล้วก็รู้ว่า มารเขาไปในท้องของท่าน “ด้วยอุบายอันแยบคายเฉพาะตน.

ตรงนี้แปลก เพราะ พระอานนท์ไม่รู้ว่า พระโมคคัลลานะใช้วิชาอะไร จึงรู้ว่า มีมารอยู่ตนท้อง 

[๕๕๘] ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้เห็นมารผู้ลามก เข้าไปในท้องในไส้แล้ว ครั้นแล้ว จึงเรียกว่า ดูกรมารผู้ลามก ท่านจงออกมา ท่านจงออกมา

ท่านอย่าเบียดเบียนพระตถาคตและสาวกของพระตถาคตเลยวิเหสนกรรมนั้น อย่าได้มีเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์แก่ท่านตลอดกาลนาน.

ข้อความส่วนนี้ ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้เห็นมารผู้ลามก เข้าไปในท้องในไส้” แสดงว่า พระโมคคัลลานะ ต้องมีวิชาของท่าน และท่านเห็นตัวของมารด้วย

ลำดับนั้น มารมีความดำริว่า สมณะนี้ไม่รู้และไม่เห็นเรา จึงกล่าวว่า ดูกรมารผู้ลามกท่านจงออกมา ท่านจงออกมา

ท่านอย่าเบียดเบียนพระตถาคตและสาวกของพระตถาคตเลยวิเหสนกรรมนั้น อย่าได้มีเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์แก่ท่านตลอดกาลนาน

ดังนี้ แล้วจึงดำริว่า แม้สมณะที่เป็นศาสดายังไม่พึงรู้จักเราได้เร็วไว ก็สมณะที่เป็นสาวกไฉน จักรู้จักเราได้.

ตรงนี้ต้องอ่านให้ดีๆ  ข้อความที่ว่า “แม้สมณะที่เป็นศาสดายังไม่พึงรู้จักเราได้เร็วไว” นี่ก็แสดงว่า พระโมคคัลลานะเห็นมารตัวนี้ เร็วกว่าพระพุทธองค์เสียอีก

ในขณะนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้บอกว่า ดูกรมารผู้ลามก เรารู้จักท่านแม้ด้วยเหตุนี้ แล ท่านอย่าเข้าใจว่า สมณะนี้ไม่รู้จักเรา

ท่านเป็นมาร ท่านมีความดำริว่า สมณะนี้ไม่รู้และไม่เห็นเรา จึงกล่าวว่า ดูกรมารผู้ลามก ท่านจงออกมา ฯลฯ ก็สมณะที่เป็นสาวกไฉน จักรู้จักเรา.

ลำดับนั้น มารมีความดำริว่า สมณะนี้รู้จักและเห็นเรา จึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรมารผู้ลามกท่านจงออกมา ฯลฯ วิเหสนกรรมนั้น อย่าได้มีเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์แก่ท่านตลอด
กาลนาน

ดังนี้ แล้วจึงออกจากปากท่านพระมหาโมคคัลลานะ แล้วยืนอยู่ที่ข้างบานประตู.

ตรงนี้พระสูตรกล่าวว่า พอมารมันแน่ใจว่า พระโมคคัลลานะรู้จักตัวของมันแน่ๆ จึงออกมาทางปากของพระโมคคัลลานะ แล้วก็ไปยืนอยู่ข้างบานประตู

เรื่องนี้ มารเป็นกายละเอียดนะครับ อย่าไปนึกว่า มารมันเป็นกายเนื้อ

[๕๕๙] ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ได้เห็นมารผู้ลามกยืนอยู่ที่ข้างบานประตู ครั้นแล้วจึงกล่าวว่า

ดูกรมารผู้ลามก เราเห็นท่านแม้ที่ข้างบานประตูนั้น ท่านอย่าเข้าใจว่า สมณะนี้ไม่เห็นเรา ท่านนั้นยืนอยู่แล้วที่ข้างบานประตู.

ดูกรมารผู้ลามก เรื่องเคยมีแล้ว  เราเป็นมารชื่อทูสี มีน้องหญิงชื่อกาลี ท่านเป็นบุตรน้องหญิงของเรานั้น ท่านนั้นได้เป็นหลานชายของเรา

พระโมคคัลลานะนั้น เห็นมารยืนอยู่ข้างบานประตู แล้วบอกด้วยว่า มารเคยเป็นหลานของท่าน ชาตินั้น พระโมคคัลลานะเป็นมารชื่อ “ทูสี”  มีน้องสาวชื่อ “กาลี” ซึ่งเป็นแม่ของมารตัวนี้

นี่ก็แสดงว่า มารสามารถเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายพระได้  และไอ้มารตัวนี้ก็ไม่รู้อดีตชาติ ไม่อย่างนั้น คงไม่ไปแกล้งลุงของตัวเอง ซึ่งพระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้าแน่ๆ

ประการสำคัญก็คือ มารมีจริง และมารมันเก่งจริง

ต่อจากนั้น พระโมคคัลลานะก็เล่าเรื่องของท่านว่า ทำกรรมชั่วอย่างไรบ้าง ตกนรกอย่างไรมารบ้าง

[๕๖๕] ดูกรมารผู้ลามก ก็มหานรกนั้นแลมีชื่อ ๓ อย่าง ชื่อฉผัสสายตนิกะก็มี ชื่อสังกุสมาหตะก็มี  ชื่อปัจจัตตเวทนียะก็มี.

ดูกรมารผู้ลามก ครั้งนั้นแล พวกนายนิรยบาลเข้ามาหาเราแล้ว บอกว่าเมื่อใดแล หลาวเหล็กกับหลาวเหล็กมารวมกันที่กลางหทัยของท่านเมื่อนั้น ท่านพึงรู้ว่า เราไหม้อยู่ในนรกพันปีแล้ว.

ดูกรมารผู้ลามก เรานั้นแล หมกไหม้อยู่ในมหานรกนั้นหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี และหมกไหม้อยู่ในอุสสทนรกแห่งมหานรกนั้นแล

เสวยทุกขเวทนาหนักกว่าก่อนอีกหมื่นปี. เรานั้นมีกายเห็นปานนี้คือ มีศีรษะเหมือนศีรษะมนุษย์ก็มี เหมือนศีรษะปลาก็มี.

จะเห็นว่า มารนั้น ทำกรรมชั่วไว้ ก็ต้องรับผลของกรรมชั่วเช่นเดียวกับฝ่ายพระที่ทำกรรมชั่วเหมือนกัน

ในทางวิชาธรรมกาย เรารู้จักมารมากกว่านี้ มารมันเก่งจริง  วิชาธรรมกายก็สามารถเห็นมารได้อย่างพระโมคคัลลานะเหมือนกัน

ในเรื่องนี้ ผมว่า พระโมคคัลลานะก็ใช้วิชาธรรมกายในการตรวจสอบว่ามารมันอยู่ในท้องของท่าน  สำหรับการที่พระอานนท์กล่าวว่า พระโมคคัลลานะทำอย่างไรจึงเห็นมาร

บอกเพียงแต่ว่า “ด้วยอุบายอันแยบคายเฉพาะตน.” น่าจะมีปัญหาในการท่องจำกันมาภายหลัง คือ รุ่นหลังคงไม่รู้จักวิชาธรรมกาย  จึงไม่กล้าระบุลงไป

ที่กล่าวไปนั้น กล่าวกันอย่างในทางวิชาการ  สำหรับความจริงแล้ว มารมันพยายามลบวิชาธรรมกายออกไปจากพระไตรปิฎก


คนรุ่นหลังไม่เก่งเท่ารุ่นพระพุทธเจ้า การกระทำของมารมันจึงสำเร็จ คือ เอาหลักการของวิชาธรรมกายออกไปจากพระไตรปิฎกได้...



1 ความคิดเห็น:

  1. ไอ้บ้าที่ไหนเขียนบทความนี้ มั่วชิบหาย วิชาธรรมกายมีที่ไหน หลวงพ่อสดเพี้ยนเพราะถูกกิเลสหลอก วิปัสสนูปกิเลสคือนิมิต คนมีสติไม่มีวันเกิดหรอกนั่งเห็นนั่นเห็นนี่ ..เขียนเองตีความเอง ทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้า ถุยยย

    ตอบลบ