บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

มารกับสูรอัมพัฏฐอุบาสก

บทความในชุดนี้ จะเผยแพร่หลักฐานที่ว่า “มารมี” ในพระไตรปิฎก  เมื่อ “มารมี” และพระพุทธองค์ปราบไว้ไม่หมด  การปราบมารในยุคนี้จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้

ผมไปอ่านพบกระทู้ชื่อ “มารแปลงร่างเป็นพระพุทธเจ้าปลอมมาหลอกได้” เนื้อหาของกระทู้ก็เป็นดังนี้

อรรถกถาสูตรที่  ๘ 

๘. ประวัติสูรอัมพัฏฐอุบาสก

ในสูตรที่  ๘  พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

ด้วยบทว่า อเวจฺจปฺสนฺนาน ท่านแสดงว่า ปุรพันธเศรษฐี อุบาสก [ บาลีว่า   สูรอัมพัฏฐะ] เป็นเลิศกว่าพวกอุบาสกอริยสาวกผู้เลื่อมใสไม่หวั่นไหว.

ดังได้สดับมา อุบาสกผู้นี้ ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระบังเกิดในเรือนสกุล กรุงหังสวดี ฟังธรรมกถาของพระศาสดา   

เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาอุบาสกผู้หนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสกผู้เลื่อมใสไม่หวั่นไหว ทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น.  

เขาเวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์ถึงแสนกัป ในพุทธุปบาทกาลนี้บังเกิดในสกุลเศรษฐี.  พวกญาติได้ขนานนามว่า ปุรพันธะ.

ต่อมาเขาเจริญวัย ดำรงอยู่ในฆราวาสวิสัย  เป็นอุปัฏฐากของเหล่าอัญญเดียรถีย์.

ครั้งนั้น พระศาสดาทรงตรวจดูโลกเวลาใกล้รุ่ง ทรงเห็นเหตุแห่งโสดาปัตติมรรคของเขา จึงเสด็จไปถึงประตูนิเวศน์ในเวลาเที่ยวแสวงหาอาหาร.   

เขาเห็นพระทศพล จึงคิดว่า พระสมณโคดมทรงอุบัติในสกุลใหญ่และเป็นผู้อันมหาชนรู้จักกันอย่างดีในโลก

ด้วยเหตุนั้น  การไม่ไปสำนักของพระสมณโคดมนั้น ไม่สมควร. เขาจึงไปสู่สำนักพระศาสดากราบที่พระยุคลบาท รับบาตรแล้วอาราธนาให้เสด็จเข้าไปเรือน    

ให้ประทับนั่งบนบัลลังก์มีค่ามากถวายภิกษา เมื่อเสร็จภัตกิจ จึงนั่ง ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง.  

พระศาสดาทรงแสดงธรรมตามอำนาจจริยาของเขา. จบเทศนาเขาก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. แม้พระศาสดาทรงฝึกเขาแล้ว ก็เสด็จไปพระเชตวันวิหาร.

ลำดับนั้น มารคิดว่า ชื่อว่าปุรพันธะนี้เป็นสมบัติของเรา แต่พระศาสดาเสด็จไปเรือนเขาวันนี้ ได้ทรงทำให้มรรคปรากฏ  เพราะฟังธรรมของพระศาสดาหรือหนอ

เพียงที่เราจะรู้ว่าเขาพ้นจากวิสัยของเราหรือยังไม่พ้น จึงเนรมิตรูปละม้ายพระทศพล  ทั้งทรงจีวร ทั้งทรงบาตร เสด็จดำเนินโดยอากัปกิริยาของพระพุทธเจ้าทีเดียว

ทรงพระลักษณะ ๓๒ ประการ ได้ประทับยืนใกล้ประตูเรือนของปุรพันธอุบาสก.   

แม้ปุรพันธอุบาสก  ฟังว่า พระทศพลเสด็จมาอีกแล้ว ก็คิดว่าธรรมดาการเสด็จไปชนิดไม่แน่นอนของพระพุทธะทั้งหลายไม่มีเลย  เหตุไรหนอจึงเสด็จมา

ดังนี้ แล้วจึงรีบเข้าไปสู่สำนักพระพุทธองค์ด้วยสำคัญว่าพระทศพล กราบแล้วยืน ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง

กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ทรงทำภัตกิจเสร็จแล้วในเรือนของข้าพระองค์  ทรงอาศัยเหตุอะไรจึงเสด็จมาอีก. 

มารกล่าวว่า ดูก่อนปุรพันธะ เราเมื่อกล่าวธรรมไม่ทันพิจารณาแล้วกล่าวคำไปข้อหนึ่ง มีอยู่

แท้จริงเรากล่าวไปว่า ปัญจขันธ์ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา หมดทุกอย่าง แต่ความจริงไม่ใช่ทั้งหมดเห็นปานนั้น ด้วยว่า ขันธ์บางจำพวก ที่เที่ยงมั่นคง ยั่งยืน มีอยู่. ทีนั้น  

ปุรพันธอุบาสกคิดว่า  เรื่องนี้เป็นเรื่องหนักอย่างยิ่ง ด้วยธรรมดาว่า พระพุทธะทั้งหลาย ตรัสเป็นคำสองไม่มี.  

จึงคิดใคร่ครวญว่า ขึ้นชื่อว่ามารเป็นข้าศึกของพระทศพล ผู้นี้ต้องเป็นมารแน่  

จึงกล่าวว่า ท่านเป็นมารหรือ.

ถ้อยคำที่พระอริยสาวกกล่าว ได้เป็นหนึ่งเอาขวานฟันมารนั้น. เพราะเหตุนั้น มารจะดำรงอยู่โดยภาวะของตนไม่ได้ จึงกล่าวว่า

ใช่ละ ปุรพันธะ เราเป็นมาร.

ปุรพันธอุบาสกจึงชี้นิ้วกล่าวว่า  มารตั้ง ๑๐๐ ตั้ง ๑,๐๐๐ ก็มาทำศรัทธาของเราให้หวั่นไหวไม่ได้ดอก.   

พระทศพลมหาโคดม เมื่อทรงแสดงธรรมแก่เรา ก็ทรงแสดงธรรมปลุกให้ตื่นว่า  สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง. ท่านอย่ายืนใกล้ประตูเรือนของเรานะ. 

มารฟังคำของปุรพันธอุบาสกนั้นแล้ว ก็ถอยกรูดไม่อาจพูดจา  อันตรธานไปในที่นั้นนั่งเอง. 

แม้ปุรพันธอุบาสก เวลาเย็นก็เข้าไปเฝ้าพระศาสดา กราบทูลกิริยาที่มารทำแล้วทูลว่า  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญมารพยายามทำศรัทธาของข้าพระองค์ให้หวั่นไหว.

พระศาสดาทรงทำเหตุนั้นนั่นแลให้เป็นอัตถุปปัตติเหตุเกิดเรื่อง 

จึงทรงสถาปนาปุรพันธอุบาสกไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสก ผู้เลื่อมใส  ไม่หวั่นไหวแล.

จบอรรถกถาสูตรที่  ๘

อรรถกถาชุดนี้ เป็นเรื่องของอุบาสกผู้มีตำแหน่งเลิศ  ๑๐  ท่าน  รายชื่อก็มีดังนี้

พ่อค้าชื่อตปุสสะและภัลลิกะ 
เป็นเลิศในเรื่องผู้ถึงสรณะก่อน.
สุทัตตอนาถปิณฑิกคฤหบดี   
เป็นเลิศในเรื่องผู้ถวายทาน.
จิตตคฤหบดีชาวเมืองมัจฉิกสัณฑะ
เป็นเลิศในเรื่องผู้เป็นธรรมกถึก
หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี     
เป็นเลิศในเรื่องผู้สงเคราะห์บริษัทด้วยสังคหวัตถุ  ๔.
เจ้าศากยะพระนามว่ามหานามะ   
เป็นเลิศในเรื่องผู้ถวายรสอันประณีต.
อุคคคฤหบดีชาวเมื่องเวสาลี      
เป็นเลิศในเรื่องผู้ถวายโภชนะเป็นที่ชอบใจ.
อุคคคฤหบดี 
เป็นเลิศในเรื่องผู้เป็นสังฆอุปัฏฐาก.
สูรัมพัฏเศรษฐีบุตร   
เป็นเลิศในเรื่องผู้เลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้น.
หมอชีวกโกมารภัจ     
เป็นเลิศในเรื่องผู้เลื่อมใสในบุคคล.
นกุลีปิตาคฤหบดี  
เป็นเลิศในเรื่องผู้คุ้นเคย.

ในอรรถกถานี้ มารมันน่าจะปลอมเป็นพระวรกายเนื้อของพระพุทธเจ้ามาหลอกสูรัมพัฏเศรษฐีบุตรเอาดื้อๆ เลย

การแปลงกายของมารมันต้องเหมือนมาก  เพราะ สูรัมพัฏเศรษฐีบุตรดูไม่ออก

ที่สูรัมพัฏเศรษฐีบุตรรู้ก็เป็นเพราะว่า “มารมันสอนผิดไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า”  สูรัมพัฏเศรษฐีบุตรเชื่อและเลื่อมใสพระพุทธเจ้าอย่างแน่นแฟ้น จึงไม่หลงกลของมาร

ในทางวิชาธรรมกายมารมันหลอกยิ่งกว่านี้  พูดง่ายๆ ว่า เมื่อไหร่เราทำวิชาเห็นพระพุทธเจ้า ก็อย่าเพิ่งเชื่อ


ต้องทำวิชาระเบิดกายที่เห็นไปก่อน  จนกระทั่งถึงกายที่ระเบิดไม่แตก นั่นแหละ จึงจะเป็นกายของพระพุทธเจ้าของเราอย่างแท้จริง



1 ความคิดเห็น:

  1. What casino game do you offer? | DRMCD
    What is the best casino game? · 밀양 출장샵 1. Mega Moolah 여수 출장마사지 · 2. Slots of Vegas · 3. Blackjack · 4. Craps · 5. Keno · 6. Let 원주 출장안마 It Ride · 7. Texas Hold'em · 거제 출장마사지 8. 삼척 출장안마 Craps · 9. Blackjack · 10.

    ตอบลบ